
สรุป OPPDAY MINT 1Q/2024 มั่นใจผลงานช่วงที่เหลือปีนี้สดใส รายได้โตตามเป้า 8-10%
สรุป OPPDAY MINT 1Q/2024 มั่นใจผลงานช่วงที่เหลือปีนี้สดใส รายได้โตตามเป้า 8-10%
MINT มั่นใจผลงานช่วงที่เหลือปี 67 สดใส รายได้โตตามเป้า 8-10% ส่วนกำไรโต 15-20% หลังยอดจองโรงแรมสูงขึ้น – ธุรกิจอาหารฟื้น ด้านเงินลงทุนปีนี้ใช้กว่า 1.3 หมื่นลบ. เร่งปรับปรุง รีแบรนด์โรงแรม
นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยในงาน Opportunity Day ผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือปีนี้ยังมีทิศทางเติบโต จากปัจจัยขับเคลื่อนหลายด้าน ซึ่งผลลัพท์คืออัตรายอดเข้าจองโรงแรมสูงกว่าปีก่อน ด้านธุรกิจอาหารฟื้นตัวดีขึ้น
ซึ่งบริษัทฯ ยังย้ำเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ช่วง 3 ปี (67-69) ที่ 8-10% และยังสามารถเพิ่มอัตรากำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนผลกําไรโต 15-20% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า รวมถึงวางเป้าหมายผลตอบแทนจากเงินลงทุน(ROIC) ไม่น้อยกว่า 10% ทั้งนี้จำนวนโรงแรมสิ้นสุดปี 66 อยู่ที่ 532 แห่ง ตั้งเป้าใน 3 ปีนี้มีโรงแรมมากกว่า 780 แห่ง ด้านร้านอาหารมี 2,645 แห่ง ตั้งเป้าแตะระดับ กว่า 3,700 สาขา ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
“เรามี 6 กลยุทธ์หลัก คือ เพิ่มความแข็งแกร่งของแบรนด์โดยขยายไปทั่วโลก, สร้างผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ เพิ่มอัตราทำกำไรได้ดีมากขึ้น, มองหาพาร์ทเนอร์หรือการลงทุนในโครงการร่วมกัน, สร้างสรรค์ด้านดิจิทัล, ปรับความแข็งแกร่งของทีมงาน และสุดท้ายคือการยึดมั่นหลัก ESG ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ ” นายชัยพัฒน์กล่าว
สำหรับตัวอย่างการดำเนินธุรกิจและผลลัพธ์ในกลุ่มประเทศเด่นๆ เช่น กลุ่มยุโรปและละตินอเมริกา ซึ่งความต้องการด้านการพักผ่อนยังสูง, มีการประชุมองค์กรและงานแสดงสินค้า, การแข่งขันกีฬาระดับโลก เช่นโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ที่ฝรั่งเศษ และ ยูฟ่ายูโร 2024 ที่เยอรมัน, กิจกรรมบันเทิงและคอนเสิร์ตที่มีชื่อเสียง เช่น เทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงการปรับปรุงโรงแรมเพื่อเพิ่มราคาห้องพักที่สูงขึ้น
ด้านธุรกิจในประเทศไทย เริ่มมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่สูงขึ้น ,การปรับปรุงโรงแรมและกลยุทธ์การขายห้องพัก ส่วนธุรกิจอาหารบริษัทฯ มีแคมเปญการสื่อสารแบบปากต่อปาก, ใช้ตัวแทนของแบรนด์ที่มีอิทธิพล, มีกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลาจำกัด, มีโปรแกรมพิเศษสำหรับสมาชิก และเมนูใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
ส่วนธุรกิจอาหารในจีน บริษัทฯ พยายามลดต้นทุนและแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ นอกเหนือจากแพลตฟอร์มปลา อีกทั้งเมนูปลาจะสร้างสรรรสชาติใหม่ๆ เหมาะสำหรับครอบครัว และเพิ่มความถี่ในการรับประทานอาหารในช่วงที่อากาศอบอุ่น และธุรกิจในออสเตรเลีย ส่วนของโรงแรมค่อนข้างเติบโตจากการเข้าไปท่องเที่ยว รวมถึงการเติบโตของภาคธุรกิจที่เดินทางติดต่อในประเทศดังกล่าว, เตรียมเปิดตัวที่ของ แบรนด์ NH, NH Collection และ Avani ส่วนธุรกิจอาหารใช้เงินลงทุนสำหรับร้านค้าใหม่ๆ ในราคาต่ำลง เริ่มที่เมืองบริสเบน และคาดว่าจะเร่งปรับปรุงร้านแฟรนไชส์ทั่วประเทศ
ด้านเงินลงทุนหลังโควิด-19 บริษัทฯ ใช้เฉลี่ย 8,000 – 14,000 ล้านบาท ต่อปี (ปี 67-69) ซึ่งในปี 67 นี้ อาจใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง กว่า 13,000 ล้านบาท เนื่องจากปรับปรุงโรงแรม และรีแบรนด์ใหม่ เพื่อความสามารถในการปรับเพิ่มราคาค่าห้อง ทั้งนี้เงินลงทุนจะใช้จากผลการดำเนินงาน, กระแสเงินสด, เงินสดในมือ และการขายสินทรัพย์ที่เป็นไปได้
ทั้งนี้บริษัทฯ สามารถยกระดับสถานะทางการเงิน ด้วยการลดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิลงโดยสิ้นสุดไตร มาส 1/67 เหลือ 0.98 เท่า ต่ำกว่าข้อกำหนดสิทธิ์จากผู้ถือหุ้นกู้ที่ 1.75 เท่า และต่ำกว่านโยบายบริษัทฯ ที่วางไว้ที่ 1.3 เท่า ซึ่งเป้าสิ้นปี 67 จะลดลงให้เหลือ 0.80 เท่า สำหรับเงินสดในมือปัจจุบันบริษัทฯ มีประมาณ 14,000 ล้านบาท รวมถึงยังมีและมีวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้ใช้จำนวน 36,000 ล้านบาท
================
THE Opportunity Channel
Opportunity for Investment : คัดสรรโอกาสการลงทุน เพื่อ “นักลงทุน”
คว้าโอกาสการลงทุน ที่นักลงทุนควรได้รับรู้ และทุกข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน การลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะเป็นเครื่องมือ ชี้วัดความสำเร็จ และการสร้างความมั่งคั่งในอนาคต…
กดติดตามช่องทางการรับชม เพื่อได้รับข้อมูลที่น่าสนใจ…
FACEBOOK : https://web.facebook.com/finnomenaopportunity
YOUTUBE : https://www.youtube.com/@TheOpportunityTH
X : https://twitter.com/opportunityth
#SET #mai #Stock #IPO #หุ้น #หุ้นกู้ #ตราสารหนี้ #theopportunity #กองทุนรวม #SSF #RMF #ESG #ทองคำ #พันธบัตร #ข่าวหุ้น #Bitcoin #bullymarket #การเงิน-ลงทุน #เศรษฐกิจ #การเมือง #ต่างประเทศ #ความรู้ #ข่าว #set100 #set50 #ลงทุนนอก #OPPDAY #อิสราเอล #อิหร่าน #สงคราม