
ปลัดคลัง คาด GDP ปีนี้โตแตะ 3% รับ “ดิจิทัลวอลเล็ต-วายุภักษ์” หนุน แย้มใช้เวลา 1-2 ปี ศึกษา Negative Income Tax โอบอุ้มผู้มีรายได้น้อย
ปลัดคลัง คาด GDP ปีนี้โตแตะ 3% รับ “ดิจิทัลวอลเล็ต-วายุภักษ์” หนุน แย้มใช้เวลา 1-2 ปี ศึกษา Negative Income Tax โอบอุ้มผู้มีรายได้น้อย
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เชื่อว่าปีนี้ มีโอกาสที่จะได้เห็นเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ถึง 3% อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในไตรมาส 4/67 ที่จะได้เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ GDP
หลังจากมีเม็ดเงินของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะแจกเป็นเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบางก่อน 14.5 ล้านคน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.นี้ ซึ่งมีเม็ดเงินสูงถึง 1.45 แสนล้านบาท นับเป็นวงเงินใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ที่จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดทุนไทยกลับมามีเสถียรภาพ เพิ่มความเชื่อมั่นและสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
ขณะเดียวกัน ยังมีเม็ดเงินจากงบประมาณปี 2568 ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค.67 ด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสุดท้ายของปีนี้ (ต.ค.-ธ.ค.)
คลัง คาดใช้เวลา 1-2 ปี ศึกษา Negative Income Tax โอบอุ้มผู้มีรายได้น้อย
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงถึงนโยบายการศึกษาระบบภาษีรูปแบบใหม่ ที่นำมาบรรจุเป็นแนวนโยบายของรัฐบาล (Negative Income Tax) ว่า แนวความคิด Negative Income Tax เป็นการนำตัวอย่างจากต่างประเทศ
ที่ต้องการสร้างตาข่ายรองรับสังคม ไม่ให้ใครตกไปอยู่กรอบแห่งความยากลำบากและความยากจน โดยจะมีเกณฑ์เพื่อวัดเส้นแห่งความยากจนที่มีความเหมาะสม หากประชาชนสามารถยื่นแบบภาษีได้ทุกคน เมื่อใครเกินเส้นนี้ ก็เสียภาษีตามอัตราที่เหมาะสมต่อไป
ในขณะที่คนที่ต่ำกว่าเส้นที่กำหนด กลไกของภาษีจะสามารถเป็นภาษีติดลบที่สามารถกลับไปเพื่อไปชดเชยอุดหนุนให้สามารถลืมตาอ้าปากต่อสู้ได้ รวมถึงทำให้ประชาชนเกิดความกล้า เกิดความคิดในการลงทุนในการเดินหน้าชีวิต
แนวคิดนี้จะเป็นหนึ่งในแรงจูงใจที่ทำให้ประชาชนรู้อยู่เสมอว่า ข้างหลังมีรัฐบาลที่คอยประคับประคองให้เขากลับมาลุกขึ้นยืนได้ใหม่ ไม่ว่าจะล้มอีกกี่ครั้งก็ตาม และทำให้คนในประเทศเปลี่ยนแนวความคิด เพิ่มแรงจูงใจในการประกอบอาชีพ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกัน โดยกระทรวงคลัง จะเป็นแม่งานในการศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนต่อไป โดยจะเร่งศึกษาในระยะเวลา 1-2 ปี เพื่อในที่สุดแล้วประชาชนคนไทยทุกคนจะได้สามารถมีตาข่ายที่มั่นใจได้ว่า จะคอยรองรับอยู่ในทุกสถานการณ์
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การนำมาบรรจุในแนวนโยบายรัฐบาล เพื่อให้เกิดการศึกษาอย่างละเอียด และเป็นแนวคิดตอบโจทย์ปัญหาต่าง ๆ เช่น เรื่องแรงงาน ซึ่งขณะนี้มีแรงงานมากกว่า 50% อยู่นอกระบบ ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างเป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกัน ประชาชนผู้มีรายได้ต่ำ มีประมาณ 4 ล้านคน ที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน และมีประมาณ 5 ล้านคน ที่อยู่ในจุดที่เรียกว่าเกือบจน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเปราะบาง และรัฐบาลก็มีแนวคิดหาหนทางช่วยเหลือมาตลอด
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ปัญหาระบบฐานภาษีของประเทศไทย มีคนเข้าสู่ระบบฐานภาษีค่อนข้างน้อย มีคนยื่นแบบภาษีเงินได้เพียงแค่ 10 ล้านคน แต่มีคนเสียภาษีจริง ๆ ประมาณ 3-4 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่ผูกโยงเข้าด้วยกันทั้งหมด
ส่วนจะเป็นการชดเชยหรือทดแทนสวัสดิการที่มีอยู่หรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในสวัสดิการแต่ละประเภท มีหลักการคำนวณที่แตกต่างกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นคนละประเด็น เนื่องจากเป็นคนละวัตถุประสงค์ แต่ด้วยเม็ดเงินที่จำกัดของภาครัฐ ต้องบริหารจัดการให้เกิดความเหมาะสมต่อไป
================
THE Opportunity Channel
.
Opportunity for Investment : คัดสรรโอกาสการลงทุน เพื่อ “นักลงทุน”
.
คว้าโอกาสการลงทุน ที่นักลงทุนควรได้รับรู้ และทุกข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน การลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะเป็นเครื่องมือ ชี้วัดความสำเร็จ และการสร้างความมั่งคั่งในอนาคต…
กดติดตามช่องทางการรับชม เพื่อได้รับข้อมูลที่น่าสนใจ…
WEBSITE : https://www.theopp.co/
FACEBOOK : https://web.facebook.com/finnomenaopportunity
YOUTUBE : https://www.youtube.com/@TheOpportunityTH
X : https://twitter.com/opportunityth
#SET #mai #Stock #IPO #หุ้น #หุ้นกู้ #ตราสารหนี้ #theopportunity #กองทุนรวม #SSF #RMF #ESG #ทองคำ #พันธบัตร #ข่าวหุ้น #การเงิน-ลงทุน #เศรษฐกิจ #การเมือง #ต่างประเทศ #ความรู้ #ข่าว #set100 #set50 #ออมหุ้น #ออมทอง #เกษียญ #ลงทุนนอก