Guru
จุดขายหุ้นแบบไหนดีที่สุด
#TheoppXGuru #Stockvitamins จุดขายหุ้นแบบไหนดีที่สุด หุ้นขึ้นๆๆๆ กำไรอยู่ดีๆ แต่ไม่ขาย จนมาขายตอนเท่าทุนหรือขาดทุน หุ้นลงๆๆๆ ไม่กล้าขายไม่กล้าคัท รอเท่าทุน รอแล้วรอเล่าเธอก็ไม่กลับมา ปัญหาโลกแตกที่นักลงทุนหลายคนพบเจอ คือ ซื้อหุ้นเป็น แต่ขายหุ้นไม่เป็น ไม่รู้ว่าจังหวะนี้ควรตัดสินใจยังไงดี จะขายทำกำไรก็กลัวขายหมู เดี๋ยวหุ้นวิ่งต่อ จะขายขาดทุนก็ทำใจไม่ได้ กลัวมันเด้งกลับขึ้นมา วันนี้ผมขอแนะนำไอเดียขายหุ้นที่น่าสนใจมาฝากกันครับ ขายตอนกำไร ขายหุ้นก่อนเต็มมูลค่า เวลาเราประเมินมูลค่าหุ้น ได้ 10 บาท ไม่ใช่ว่า เราจะต้องรอราคาไปถึง 10 บาท ถึงจะขาย อยากให้เราคิดว่า ถ้าเราขายหุ้นที่เต็มมูลค่าแล้ว ใครจะมาซื้อต่อจากเรา แปลว่า ราคานี้คือพีคแล้ว ราคาก็อาจจะไม่ขึ้นต่อแล้วก็ได้ นี่คือจุดที่ทุกคนเฝ้ารออยากขายทั้งนั้น แปลว่า ถ้าเราวางแผนขายหุ้น ก็ควรต้องทำก่อนที่ราคาจะเต็มมูลค่า แต่เรื่องของการประเมินมูลค่าหุ้นนั้น เราต้องเข้าใจสมมติฐานของเราด้วยว่า ราคาที่คำนวณมาได้นั้น เป็น best case ที่จะเกิดขึ้นมั้ย หรือเป็น base […]
ถอดรหัสหา “หุ้นเติบโต 4 มิติ”
ถอดรหัสหา “หุ้นเติบโต 4 มิติ” หากเรามองหาหุ้นพีอีต่ำ ๆ แต่เติบโตสูง ๆ ซึ่งต้องบอกว่ามันคือ “หุ้นในฝัน” ของนักลงทุนระยะยาว และมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะเจอหุ้นแบบนี้ตัวเป็น ๆ ในยุคนี้ … แต่ถ้าเราคิดจะมองหาแบบนี้ ต้องขอบอกเลยว่า “คุณกำลังมาถูกทางแล้ว” ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น สาเหตุเป็นเพราะถ้าคุณเจอหุ้นพีอีต่ำ หมายความว่า เราได้หุ้นราคาถูก แต่ถ้าหุ้นตัวนั้นเติบโตสูง หมายความว่า อนาคตตลาดจะ “ปรับพีอีให้ใหม่” คือ จะทำให้ราคาหุ้นขยับปรับตัวดีขึ้น แต่การเติบโต 4 มิติ มีอะไรบ้าง นายแว่นลงทุน ขอบอกเล่าให้อ่านดังต่อไปนี้ มิติแรก “ยอดขายเติบโต” ถ้าเราเจอหุ้นที่ยอดขายเติบโต แต่กำไรยังไม่มา ให้เราสงสัยไว้ก่อนว่า มันมีอะไรในกอไผ่หรือไม่ อย่างไร … หลายครั้งยอดขายที่โต มันยังโตไม่พ้นน้ำ พูดง่าย ๆ ก็คือ ยอดขายโตจริง แต่โตไม่ท่วมต้นทุน หรือกิจการยังไม่เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economic of Scale) […]
วิเคราะห์ได้ลึกกว่าด้วย Market Indicators
#TheoppXGuru #DaddyTrader วิเคราะห์ได้ลึกกว่าด้วย Market Indicators ผมว่าปัญหาหนักใจอย่างหนึ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่อยากรู้เวลาที่จะตัดสินใจลงมือซื้อขาย คือ ตอนที่ตลาดหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลง เราจะเชื่อถือได้อย่างไรว่าการปรับตัวขึ้นหรือลงของตลาดหุ้นมีความน่าเชื่อถือขนาดไหน และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าตลาดจะไม่ได้ส่งสัญญาหลอก ๆ ออกมา แนวทางในการหาคำตอบข้างต้นคงต้องบอกว่าไม่มีวิธีในการหาคำตอบได้แม่นยำถูกต้อง 100% แต่แนวทางของการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้น จะนิยมวิเคราะห์ Indicators เพื่อช่วยเสริมความมั่นใจหรือใช้เป็นสัญญาณเตือน ในช่วงที่กำลังตัดสินใจลงมือซื้อขาย โดยส่วนใหญ่ Indicators ที่ใช้กันอยู่จะเป็น Indicators ประเภท Technical Indicator แต่สำหรับบทความนี้ผม Daddy Trader หนึ่งในทีมของ TFEX Station จะมาแนะนำให้รู้จักกับ Indicators อีกประเภทหนึ่งที่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด ที่เรียกว่า “Market Indicators” Market Indicators เป็น Indicators ที่ใช้ในการเจาะลึกพฤติกรรมองค์ประกอบของตลาด ซึ่งสามารถนำมาใช้งานได้ดีในการวิเคราะห์สำหรับซื้อขาย SET50 Index Futures ในตลาด TFEX และผมเห็นว่ายังไม่ค่อยมีใครแนะนำเกี่ยวกับ Indicators ประเภทนี้มากนัก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผู้ให้บริการโปรแกรมวิเคราะห์กราฟในประเทศไทยยังไม่มี Market Indicators […]
การออม VS การลงทุน แตกต่างกันอย่างไร ?
#TheoppXGuru #Bottomliner การออม VS การลงทุน แตกต่างกันอย่างไร ? มีหลายคนที่ยังสับสนและยังแยกการใช้ 2 คำนี้ไม่ออก ไม่รู้ว่าแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราเลยจะมาสรุปความแตกต่างมาเทียบให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งทั้ง 2 คำนี้มีความต่างกันค่อนข้างชัดเจน ทั้งวัตถุประสงค์และแหล่งเก็บเงิน การออม (Saving) – วัตถุประสงค์ : เก็บสะสมเงินไว้ทีละนิด เพื่อไว้ใช้ในอนาคต และรักษาเงินต้นไม่ให้สูญหาย – ตัวอย่างแหล่งเก็บเงิน : เงินฝากออมทรัพย์, เงินฝากประจำ, สลากออมสิน – ความเสี่ยง : ต่ำมาก – ผลตอบแทน : ต่ำ – ข้อดี : สภาพคล่องสูง สามารถถอนเงินตอนไหนก็ได้ – ข้อเสีย : ผลตอบแทนต่ำถ้าเทียบกับการลงทุน การลงทุน (Investment) – วัตถุประสงค์ : เพื่อต่อยอดให้เงินเติบโตงอกเงย ต้องการเพิ่มเงินมากขึ้น – […]
สไตล์การลงทุน DCA หรือ Lump Sum แบบไหนเหมาะกับเรา ?
#TheoppXGuru #Finspace สไตล์การลงทุน DCA หรือ Lump Sum แบบไหนเหมาะกับเรา ? วิธีการลงทุนมีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน และวิธีที่นักลงทุนหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดีคงหนีไม่พ้น DCA และ Lump Sum มาดูกันดีครับว่าทั้ง 2 วิธีการลงทุนนี้แตกต่างกันยังไง แล้ววิธีไหนเหมาะกับใครบ้าง ? DCA (Dollar-Cost Averaging) คืออะไร ? คือ การลงทุนแบบทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กัน โดยไม่สนใจความผันผวนของมูลค่าระหว่างทาง ข้อดีของการลงทุนแบบ DCA ฝึกวินัยการออมและการลงทุน เพราะเป็นการแบ่งเงินไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกๆ งวดไม่ขาดแม้แต่งวดเดียวเป็นระยะเวลานาน ซึ่งการทำเช่นนี้ก็หมายความว่าเราได้สร้างวินัยด้านการเงินให้กับตัวเอง เพราะสามารถกันเงินจากการใช้จ่ายมาเป็นเงินลงทุนได้ทุกงวด เข้าแนวคิดที่ว่า “รายได้ – เงินออม/เงินลงทุน = ค่าใช้จ่าย” หรือ “ออมก่อนใช้” นั่นเอง ถัวเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า ปีหน้า 5 ปี […]
วันนี้จะมาแนะนำให้รู้จักกับกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นรูปแบบกราฟที่ได้รับความนิยม และถูกใช้งานมากที่สุด
#TheoppXGuru #Daddytrader วันนี้จะมาแนะนำให้รู้จักกับกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นรูปแบบกราฟที่ได้รับความนิยม และถูกใช้งานมากที่สุด กราฟแท่งเทียนจะมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับรูปของแท่งเทียนไขที่เราคุ้นเคยกันดี โดยกราฟราคาที่เป็นรูปแท่งเทียนแท่งหนึ่งจะมีส่วนประกอบสำคัญอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่มีลักษณะเป็นแท่งหนาอาจจะเป็นแท่งโปร่ง(บางโปรแกรมอาจแสดงเป็นแท่งเทียนสีเขียวแทนแท่งเทียนแบบโปร่ง) หรือแท่งทึบ(บางโปรแกรมแสดงเป็นแท่งเทียนสีแดงแทนแท่งเทียนทึบ) เราจะเรียกส่วนนี้ว่าลำตัวของแท่งเทียน (Body) ส่วนที่เป็นเส้นบางเราจะเรียกว่าไส้เทียน (Shadow) วิธีการวาดรูปแท่งเทียน การวาดรูปแท่งเทียนขึ้นมาหนึ่งแท่ง จะใช้รายละเอียดของการเคลื่อนไหวของราคาทั้งหมด 4 อย่าง ได้แก่ (1) ราคาเปิด (2) ราคาสูงสุด (3) ราคาต่ำสุด และ (4) ราคาปิด ส่วนที่เป็นลำตัวของแท่งเทียนจะใช้ข้อมูลราคาเปิดและราคาปิดในการวาด ส่วนที่เป็นไส้เทียนจะใช้ข้อมูลราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดในการวาด โดยถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดตัวแท่งเทียนจะเป็นแท่งโปร่ง (บางโปรแกรมแสดงเป็นแท่งเทียนสีเขียวแทนแท่งโปร่ง) หากราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดตัวแท่งเทียนจะเป็นแท่งทึบ (บางโปรแกรมแสดงเป็นแท่งเทียนสีแดงแทนแท่งเทียนทึบ) ถ้าหากราคาปิดกับราคาเปิดเป็นราคาเดียวกันเราจะไม่เห็นตัวแท่งเทียน เวลานำรูปแท่งเทียนไปใช้งาน ในทางปฏิบัติการใช้งานกราฟแท่งเทียนจะเป็นวิเคราะห์การย้อนกลับวิธีการวาดกราฟแท่งเทียน เพราะเมื่อเราเลือกใช้งานรูปกราฟประเภทแท่งเทียน โปรแกรมจะแสดงรูปแท่งเทียนให้เราเห็น โดยแท่งเทียน 1 แท่งจะแทนการเคลื่อนที่ของราคาในช่วง Time Frame ที่เรากำหนด ในทางปฏิบัติรูปแท่งเทียน 1 แท่ง เราจะสามารถจินตนาการการเคลื่อนที่ของราคาได้คร่าว […]
คิดย้อนแย้งเพื่อทำกำไรให้เติบโต
#TheoppXGuru #Stockvitamins คิดย้อนแย้งเพื่อทำกำไรให้เติบโต ไกลแค่ไหน คือ ใกล้, แตกต่างเหมือนกัน, ความเงียบดังที่สุด, ดวงจันทร์กลางวัน ฯลฯ ชื่อเพลงอันย้อนแย้งของวง Getsunova แต่ฮิตติดหูและมีความหมายลึกซึ้งอยู่ในตัวเอง เพื่อน ๆ ทราบมั้ยครับว่า การลงทุนให้ได้ผลดี บางครั้งเราก็ต้องคิดย้อนแย้งกับความเป็นจริง คิดต่างจากคนหมู่มาก เพื่อจะทำให้เราประสบความสำเร็จ ความย้อนแย้งมีแบบไหนบ้าง มาดูกันครับ หุ้นขึ้นไม่สงสัย แต่พอหุ้นลงถามหาเหตุผล เคยเป็นมั้ยครับ เวลาที่หุ้นกำลังขึ้นร้อนแรง เรามักจะตื่นเต้นและกลัวตกรถ เลยรีบซื้อหุ้นไปก่อน โดยที่อาจจะยังไม่ได้ศึกษาแบบละเอียดถี่ถ้วนว่าควรซื้อมั้ย แต่พอหุ้นลง เราจะเริ่มสงสัยว่าหุ้นตัวนี้ดีมั้ย ถ้ายิ่งลงจนเราขาดทุน เรายิ่งอยากรู้ว่า ตกลงหุ้นตัวนี้เป็นยังไง มีข่าวอะไร งบกำไรหรือเปล่า ถือต่อได้มั้ย ความจริงในตลาดหุ้น ถ้าเราอยากลงทุนให้ประสบความสำเร็จ เราควรต้องคิดสวนทางกัน คือ ก่อนที่จะซื้อต้องถามหาเหตุผลเยอะๆว่า หุ้นตัวนี้ทำอะไร งบเป็นอย่างไร กำไรหรือเปล่า มูลค่าควรเป็นเท่าไหร่ แล้วพอราคาหุ้นขึ้นหรือลงเราก็จะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องถามหาเหตุผลที่อาจไม่มีเหตุผลว่าควรซื้อหรือขาย ซื้อตอนไม่สบายใจ ขายตอนกำไรดี บริษัทรายได้ดี กำไรดี หุ้นขึ้นแรง เพื่อนก็ชอบ […]
รายได้เท่านี้ ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ?
#TheoppXGuru #FinSpace รายได้เท่านี้ ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ? มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ตามเกณฑ์ คงถึงช่วงเวลาที่ต้องวางแผนยื่นภาษีกันแล้ว แต่หากใครที่ยังงงอยู่ว่ารายได้เท่านี้ ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ วันนี้ FinSpace จะยกตัวอย่างช่วงเงินเดือน พร้อมวิธีคิด รวมถึงหลักเกณฑ์ ที่เราสามารถนำมาลดหย่อนได้เลย จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ #วิธีคำนวณภาษี รายได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = รายได้สุทธิ #หลักเกณฑ์การคำนวณภาษี (สามารถใช้สิทธิ์ได้เลย) – หักค่าใช้จ่ายได้ 50% ไม่เกิน 100,000 บาท – หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท – หักประกันสังคม 9,000 บาท (ปี 2567) – รายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี #ยกตัวอย่าง มีรายได้ต่อปี 360,000 บาท หักค่าใช้จ่ายได้ 100,000 บาท หักค่าลดหย่อนส่วนตัว […]
Bond Yield สำคัญไฉน Yield Curve คืออะไร??? ทำไมถึงต้องรู้จัก???
#TheoppXGuru #BottomLiner – บทสรุปการลงทุน Bond Yield สำคัญไฉน Yield Curve คืออะไร??? ทำไมถึงต้องรู้จัก??? ช่วงนี้หลายคนกังวลเงินเฟ้อ และ Bond Yield จะขึ้นสูง ดังนั้นเราจะมารู้จักเรื่องของตลาดตราสารหนี้กันก่อน แต่จะให้เริ่มจากสูตรคำนวนอะไรเทือกนี้ คงจะไม่จำเป็นสำหรับนักลงทุนหุ้น เรามองไปที่ปลายทางเลย คือ bond yield เมื่อไหร่ขึ้นลง สัมพันธ์อย่างไร และส่งผลกับเศรษฐกิจ และค่าเงินอย่างไร รู้หรือไม่? Asset Class ที่มูลค่าตลาดหรือเม็ดเงินสูงที่สุดนั้นไม่ใช่ ตราสารทุน(หุ้น) แต่คือ ตราสารหนี้(พันธบัตรหรือหุ้นกู้) เราเรียกกันกว้างๆสวยๆว่า Fixed-Income … แม้แต่เงินฝากธนาคาร ก็ดูเป็น Fixed-Income เพียงแค่ไม่อยู่ในรูปหลักทรัพย์ เท่านั้นเอง โดยหลักของตราสารหนี้ หรือหุ้นกู้ เหล่านี้ก็คือเราจะได้ผลตอบแทน ตามหน้าตั๋ว ที่เขียนไว้ เม็ดเงินที่หมุนเวียนไปมาบนโลกนี้ ส่วนมากคือตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้ ทั้งนั้น โดยปกติที่เราซื้อหุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาลกัน เราก็จะได้เงินจำนวนหนึ่งกลับมาเสมอ และรอครบอายุค่อยได้เงินเต็มจำนวน แต่รู้หรือไม่ […]
ลงทุนตามช่วงวัย จัดพอร์ตแบบไหนดี ?
ลงทุนตามช่วงวัย จัดพอร์ตแบบไหนดี ? #TheoppXGuru #Finspace การลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินให้เร็วขึ้น แต่กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงวัย ความเสี่ยงที่รับได้ และเป้าหมายทางการเงิน ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน ไม่ว่าจะช่วงอายุไหน เราควรที่จะกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อกระจายโอกาสสร้างผลตอบแทน โดย FinSpace จะขอยกตัวอย่าง 3 การลงทุนตามช่วงวัย จัดพอร์ตแบบไหนดี ? เพื่อเป็นเพียงแนวทางการจัดพอร์ตลงทุน 1. วันเริ่มทำงาน รับความเสี่ยงได้แค่ไหน: เสี่ยงสูง กล้าได้กล้าเสีย เหมาะกับพอร์ต: เชิงรุก สัดส่วนการลงทุน: หุ้น 70%, ตราสารหนี้ 20%, เงินฝาก 10% แนวทาง: มุ่นเน้นในสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูง เพื่อเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนในระยะยาว 2. วัยสร้างครอบครัว รับความเสี่ยงได้แค่ไหน: เสี่ยงกลาง ทางสายกลาง เหมาะกับพอร์ต: สมดุล สัดส่วนการลงทุน: หุ้น 50%, ตราสารหนี้ 30%, เงินฝาก 20% แนวทาง: กระจายไปในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและต่ำในสัดส่วนพอ […]