สรุป OPPDAY CPALL 1Q/2024 มั่นใจยอดขายสาขาเดิม Q2/67 สดใส รุกสาขาในกัมพูชา – สปป.ลาวต่อเนื่อง

สรุป OPPDAY CPALL 1Q/2024 มั่นใจยอดขายสาขาเดิม Q2/67 สดใส รุกสาขาในกัมพูชา – สปป.ลาวต่อเนื่อง

CPALL คาดยอดขายสาขาเดิม Q2/67 โตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่โตระดับ 5% รับ สงกรานต์ – อากาศร้อนหนุน ตั้งงบลงทุนปีนี้1.2-1.3 หมื่นลบ. เปิด 7-ELEVEN สาขาใหม่ในประเทศเพิ่มอีก 700 สาขา ส่วนตปท.ยังเน้นสาขาในกัมพูชา – สปป.ลาว

นางสาวจิราพรรณ ทองตัน หัวหน้าสำนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยในงาน “Opportunity day” ว่าบริษัทคาดว่ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในช่วงไตรมาส 2/67 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 1/67 ที่ขยายตัวในระดับ 5% โดยเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาทุดคนต่างเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลสงกรานต์

ประกอบกับอากาศในเมืองไทยที่ร้อนต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งช่วยหนุนให้การจับจ่ายใช้สอยในประเทศดีอย่างต่อเนื่องและส่งเสริมให้ของที่ขายในร้านสะดวกซื้อ รวมถึงธุรกิจแม็คโครและธุรกิจโลตัสส์มียอดขายที่ดีขึ้นตามไปด้วย พร้อมคาดว่าบรรยากาศแบบนี้น่าจะดีต่อเนื่องไปได้เรื่อยๆ

ทั้งนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนปีนี้ประมาณ 12,000 – 13,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนประมาณ 50% เพื่อใช้สำการเปิดร้าน 7-ELEVEN สาขาใหม่และการปรับปรุงร้านเดิม ส่วนเงินลงทุที่เหลืออีกราว 50% ไว้ใช้ในการสร้างศูนย์กระจายสินค้าและลงทุนระบบไอทีสารสนเทศเพื่อใช้ภายในองค์กร

ขณะที่แผนการขยายร้าน 7-ELEVEN ในปีนี้นั้น บริษัทตั้งเป้าจะสาขาใหม่ในประเทศจำนวน 700 สาขา จากไตรมาส 1/67 ที่มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 14,730 และเปิดสาขาใหม่ในประเทศกัมพูชาอีกจำนวน 10 สาขา ส่วนในประเทศ สปป.ลาว คาดว่าจะมีการเปิดสาขาใหม่ในจำนวนหลักหน่วยเท่านั้น

ส่วนด้านหุ้นกู้ที่ครบกำหนดปีนี้คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าหุ้นกุ้ของบริษัทยังสามารถรีไฟแนนซ์ได้อยู่ สะท้อนได้จากการออกหุ้นกู้ในช่วงที่ผ่านมายังได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี ส่วนการบริหารหุ้นกู้ออกใหม่นั้น มองว่าปัจจุบันทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังเอื้อให้กับผู้ออกหุ้นกู้ของบริษัท ซึ่งตอนนี้บริษัทอาจหันมาออกหุ้นกู้ระยะยาวมากขึ้นเพื่อล็อกต้นทุนดอกเบี้ยไว้

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ของ CPALL มีกำไรสุทธิ 6,319.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,122.7 ล้านบาท มีรายได้รวม 241,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 8.5% โดยมีสาเหตุมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ

ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัว ซึ่งขับเคลื่อนโดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปีที่สร้างบรรยากาศ ที่ดีในการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

================

THE Opportunity Channel

Opportunity for Investment : คัดสรรโอกาสการลงทุน เพื่อ “นักลงทุน”

คว้าโอกาสการลงทุน ที่นักลงทุนควรได้รับรู้ และทุกข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน การลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะเป็นเครื่องมือ ชี้วัดความสำเร็จ และการสร้างความมั่งคั่งในอนาคต…

กดติดตามช่องทางการรับชม เพื่อได้รับข้อมูลที่น่าสนใจ…

FACEBOOK : https://web.facebook.com/finnomenaopportunity

YOUTUBE : https://www.youtube.com/@TheOpportunityTH

X : https://twitter.com/opportunityth

#SET #mai #Stock  #IPO  #หุ้น #หุ้นกู้ #ตราสารหนี้ #theopportunity #กองทุนรวม #SSF #RMF  #ESG #ทองคำ #พันธบัตร #ข่าวหุ้น #Bitcoin #bullymarket #การเงิน-ลงทุน #เศรษฐกิจ #การเมือง #ต่างประเทศ #ความรู้ #ข่าว  #set100 #set50 #ลงทุนนอก #OPPDAY #อิสราเอล #อิหร่าน #สงคราม