สาเหตุที่ต่างชาติขายหุ้นไทยอาจเพราะพึ่งจีนมากไป
1 min read

สาเหตุที่ต่างชาติขายหุ้นไทยอาจเพราะพึ่งจีนมากไป

สาเหตุที่ต่างชาติขายหุ้นไทยอาจเพราะพึ่งจีนมากไป

บล.พาย Market Outlook : SET INDEX ยังคงปรับฐานต่อเนื่องวานนี้อีกราว 0.98% และเป็นอีกวันที่สวนทางกับดัชนีในภูมิภาค ส่งผลให้ระหว่างวันทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีรับแรงกดดันจากหุ้น DELTA AOT GULF CPAXT CPALL (เรียงลำดับจากมีผลต่อดัชนีมากไปน้อย)

หากพิจารณาตั้งแต่ YTD พบว่าอุตสาหกรรมที่ปรับลงจากอันดับสูงไปต่ำ ได้แก่ ปิโตรเคมี (-11%) แพ็คเกจจิ้ง (-10%) วัสดุก่อสร้าง (-8.5%) ค้าปลีก (-7%) ธนาคารพาณิชย์ (-5%)

.

เมื่อพิจารณาตลาดหุ้นปีนี้ที่ปรับลงอย่าง CSI300 จะพบว่าระหว่าง SET , CSI 300 มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน 0.9 หรือสะท้อนว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน อนึ่งกลุ่มที่ปรับลงหลักๆ ปิโตรเคมี แพ็คเกจจิ้ง และ วัสดุก่อสร้าง (SCC) ต่างก็พึ่งพิงการเติบโตบางส่วนจากเศรษฐกิจจีน ส่วนกลุ่มอิงภายในประเทศส่วนนึงก็พึ่งพิงจีนผ่านการท่องเที่ยวและส่งออก

เราจึงตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุหลักที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ SET INDEX โดย (YTD) ขายต่อเนื่องราว 2.3 หมื่นล้านบาทอาจเป็นเพราะว่าไทยพึ่งพิงเศรษฐกิจจีนสูง ขณะที่การฟื้นตัวของจีนก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก

นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศก็ยังไม่มีปัจจัยบวกไม่ว่าจะเป็น การรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ค่อยสดใสจากกลุ่มธนาคาร การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่มี Time Line ชัดเจน (Digital Wallet)

ดังนั้นหากจะให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีอีกครั้ง จำเป็นต้องติดตามเศรษฐกิจจีนใกล้ชิดหากมีสัญญาณฟื้นตัวก็น่าจะกลับมาเป็นบวก

ปัจจัยติดตามวันนี้ได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของฝั่ง EU ช่วงบ่ายและสหรัฐฯช่วงกลางคืนตามเวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 47.6 , 51.4 (ภาคผลิตและบริการของสหรัฐฯ)

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1345 – 1360 อาจฟื้นตัวบ้างเล็กน้อยจากการปรับฐานวานนี้ แต่ก็เชื่อว่า Upside ยังจำกัดเพราะยังขาดปัจจัยบวกเด่นชัด เชิงกลยุทธ์การลงทุนการปรับฐานลงมาส่งผลให้ระดับ Valuation น่าสนใจสำหรับทยอยสะสมเพื่อการลงทุนระยะกลาง – ยาว

แนะนำหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) การเงิน (SAWAD TIDLOR) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ส่งออก (ITC TU) ส่วน Trading ระยะสั้นเน้นที่กลุ่ม Defensive อย่าง สื่อสาร (ADVANC) โรงพยาบาล (BDMS BH)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้ :

ILM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)

เลือก ILM เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีกสินค้าซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน เนื่องจาก 1. แนวโน้มยอดขายที่เติบโตแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม 2. เพิ่มเสถียรภาพของกำไรจากการเพิ่มรายได้จ่ายการให้เช่าพื่นที่ และ 3. มี valuation น่าดึงดูดที่สุดในกลุ่ม

คาดกำไร 4Q23 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 196 ล้านบาท (+7%YoY, +2%QoQ) หนุนจากคาดการณ์การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เป็นบวก 8% เทียบกับบริษัทอื่นๆในกลุ่มที่ -8% ถึง -12% ในช่วง 4Q23

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.70 บาท)

คาดผลประกอบการงวด 4Q23 TU จะมีกำไรสุทธิ 1,481 ล้านบาท (+20%YoY,+23%QoQ) ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงธุรกิจอาหารแช่แข็งที่ได้รับผลดีจากต้นทุนที่ลดลง

ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น แม้ว่าในส่วนของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปอย่างทูน่ากระป๋องจะมีรายได้ลดลงเพราะราคาขายลดลงตามต้นทุนปลาทูน่า

#SET #mai #Stock  #IPO  #หุ้น #หุ้นกู้ #ตราสารหนี้ #theopportunity #กองทุนรวม #SSF #RMF  #ESG #ทองคำ #พันธบัตร #ข่าวหุ้น #Bitcoin #bullymarket #การเงินลงทุน #เศรษฐกิจ #การเมือง #ต่างประเทศ #ความรู้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *