
ตัวเลขที่น่าสนใจ เพิ่มมุมองสำหรับคนที่สนใจลงทุนหุ้นไทย
#TheoppXGuru #DaddyTrader
ตัวเลขที่น่าสนใจ เพิ่มมุมองสำหรับคนที่สนใจลงทุนหุ้นไทย
บทความนี้ผมขอเริ่มด้วการแสดงข้อมูลที่น่าสนใจให้ดูก่อนเป็นลำดับแรก หากผู้อ่านสนใจการสรุปผล และรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับการวิเคราะห์ของมูลสามารถอ่านต่อได้จากเนื้อหาในลำดับถัดไป
โดยบทความนี้ผมมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงมุมมองเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงผลตอบแทนจากการลงทุนบนดัชนี SET เปรียบเทียบกับระยะเวลาในการลงทุน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับทรัพย์สินอื่น ๆ ได้ และผมเชื่อว่ามุมมองนี้จะช่วยให้ผู้อ่านปรับแต่งความคาดหวังเกี่ยวกับผลตอบแทนที่ควรจะได้รับจากการลงทุนได้ดีขึ้น
หมายเหตุ : ข้อมูลที่ใช้เป็นตัวแทนหุ้นไทย ใช้ข้อมูล SET TRI ในช่วงเวลาเริ่มต้นวันที่ 16/08/2011 ถึง 17/9/2024 จาก www.investing.com กรณีลงทุนหุ้นเป็นรายตัว หรือเลือกใช้ช่วงของข้อมูลที่แตกต่างจากบทความนี้ จะทำให้ผลลัพท์ที่ได้แตกต่างออกไป
คนที่ลงทุนดัชนีหุ้นไทยแบบสุ่มวันเริ่มต้นซื้อแล้วถือนาน 10 ปี แทบทุกคนไม่น่าจะขาดทุน
คนที่ซื้อดัชนีหุ้นไทยในวันที่ 22/05/2013 แล้วถือนาน 10 ปี จะเป็นจังหวะที่โชคร้ายที่สุด โดยจะได้รับผลตอบแทน 1.4% ต่อปี แบบทบต้น
คนที่ซื้อดัชนีหุ้นไทยในวันที่ 04/10/2011 แล้วถือนาน 10 จะเป็นจังหวะที่โชคดีที่สุด โดยจะได้รับผลตอบแทน 10.4% ต่อปี แบบทบต้น
ค่าเฉลี่ยของข้อมูลผลตอบแทนแบบทบต้นจากการลงทุนดัชนีหุ้นไทยแล้ว ถือนาน 10 ปี อยู่ที่ 5.2% ต่อปี
คนที่ลงทุนดัชนีหุ้นไทยแบบสุ่มวันเริ่มต้นซื้อแล้วถือนาน 5 ปี ยังมีโอกาสขาดทุนได้ โดยมีความน่าจะเป็นที่ผลการลงทุนจะออกมาเป็นขาดทุนประมาณ 12% และมีความน่าจะเป็นที่ผลการลงทุนออกมาเป็นกำไรประมาณ 88% (สุ่มวันเริ่มต้นลงทุนมา 100 วัน น่าจะเจอกรณีที่ขาดทุน 12 ตัวอย่าง และกรณีที่กำไร 88 ตัวอย่าง)
คนที่ซื้อดัชนีหุ้นไทยในวันที่ 25/11/2014 แล้วถือนาน 5 ปี จะเป็นจังหวะที่โชคร้ายที่สุด โดยจะได้รับผลขาดทุน -5.3% ต่อปี แบบทบต้น
คนที่ซื้อดัชนีหุ้นไทยในวันที่ 04/10/2011 แล้วถือนาน 5 จะเป็นจังหวะที่โชคดีที่สุด โดยจะได้รับผลตอบแทน 17.1% ต่อปี แบบทบต้น
ค่าเฉลี่ยของข้อมูลผลตอบแทนแบบทบต้นจากการลงทุนดัชนีหุ้นไทยแล้ว ถือนาน 5 ปี อยู่ที่ 4.9% ต่อปี
คนที่ลงทุนดัชนีหุ้นไทยแบบสุ่มวันเริ่มต้นซื้อแล้วถือเพียง 2 ปี มีโอกาสขาดทุนสูง โดยมีความน่าจะเป็นที่ผลการลงทุนจะออกมาเป็นขาดทุนประมาณ 27% และมีความน่าจะเป็นที่ผลการลงทุนออกมาเป็นกำไรประมาณ 73% (สุ่มวันเริ่มต้นลงทุนมา 100 วัน น่าจะเจอกรณีที่ขาดทุน 27 ตัวอย่าง และกรณีที่กำไร 73 ตัวอย่าง)
คนที่ซื้อดัชนีหุ้นไทยในวันที่ 01/02/2018 แล้วถือเพียง 2 ปี จะเป็นจังหวะที่โชคร้ายที่สุด โดยจะได้รับผลขาดทุน -22.1% ต่อปี แบบทบต้น
คนที่ซื้อดัชนีหุ้นไทยในวันที่ 04/10/2011 แล้วถือเพียง 2 ปีจะเป็นจังหวะที่โชคดีที่สุด โดยจะได้รับผลตอบแทน 33.2% ต่อปี แบบทบต้น
ค่าเฉลี่ยของข้อมูลผลตอบแทนแบบทบต้นจากการลงทุนดัชนีหุ้นไทยแล้ว ถือนาน 2 ปี อยู่ที่ 5.5% ต่อปี
คนที่ลงทุนดัชนีหุ้นไทยแบบสุ่มวันเริ่มต้นซื้อแล้วถือเพียง 1 ปี มีโอกาสขาดทุนสูง มีความน่าจะเป็นที่ผลการลงทุนจะออกมาเป็นขาดทุนประมาณ 34% และมีความน่าจะเป็นที่ผลการลงทุนออกมาเป็นกำไรประมาณ 66% (สุ่มวันเริ่มต้นลงทุนมา 100 วัน น่าจะเจอกรณีที่ขาดทุน 34 ตัวอย่าง และกรณีที่กำไร 66 ตัวอย่าง)
คนที่ซื้อดัชนีหุ้นไทยในวันที่ 25/02/2019 แล้วถือเพียง 1 ปี จะเป็นจังหวะที่โชคร้ายที่สุด โดยจะได้รับผลขาดทุน -35.5 % ต่อปี แบบทบต้น
คนที่ซื้อดัชนีหุ้นไทยในวันที่ 04/10/2011 แล้วถือเพียง 1 ปีจะเป็นจังหวะที่โชคดีที่สุด โดยจะได้รับผลตอบแทน 59.3% ต่อปี แบบทบต้น
ค่าเฉลี่ยของข้อมูลผลตอบแทนแบบทบต้นจากการลงทุนดัชนีหุ้นไทยแล้ว ถือนาน 1 ปี อยู่ที่ 6.76% ต่อปี
สรุปสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลการวิเคราะห์ข้อมูล คือ
- ถ้าเราลงทุนได้นานพอในหุ้นไทย (จากตัวอย่าง คือ 10 ปี ขึ้นไป) พอมั่นใจได้ว่าโอกาสขาดทุนน่าจะน้อยมาก ๆ ดังนั้นคำแนะนำที่บอกว่า ซื้อหุ้นควรถือยาวเป็นคำแนะนำที่มีความน่าเชื่อถือได้ในมุมมองด้านความเสี่ยง
- ถ้าระยะเวลาในการลงทุนยิ่งน้อยโอกาสที่ผลของการลงทุนจะออกมาเป็นขาดทุน จะยิ่งมีมากขึ้น เรื่อย ๆ เช่น ถือ 1 ปี, 2 ปี, 5ปี, 10ปี โอกาสที่ผลการลงทุนจะออกมาเป็นขาดทุน คือ 34%, 27%, 12% และ 0% ตามลำดับ แปลว่ากรณีที่เราลงทุนในดัชนีหุ้นไทยแล้วประสบกับผลขาดทุน เป็นเหตุการณ์ที่ปกติสามารถเกิดขึ้นได้
- การเริ่มลงทุนในจังหวะเวลาที่ต่างกัน และระยะเวลาในการลงทุนที่ต่างกัน ส่งผลให้ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้น ผู้ที่ลงทุนในทรัพย์สินเดียวกันแต่ได้ผลตอบแทนที่ต่างกันจึงเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเสมอ ๆ จึงขอเสนอข้อแนะนำเพิ่มเติม คือ ก่อนที่จะใช้ตัวเลขผลตอบแทนจากแหล่งใดก็ตามในการอ้างอิง เพื่อตั้งความคาดหวังของผลตอบแทนจากการลงทุนของตนในอนาคต เราควรทำความเข้าใจถึงสมมติฐานของการได้มาซึ่งตัวเลขผลตอบแทนเหล่านี้ก่อน
สมมติฐานและวิธีในการวิเคราะห์ข้อมูล
- ทดลองดึงข้อมูล SET TRI จากเว็บไซต์ investing.com จากตัวอย่างวันเริ่มต้นคือวันที่ 16/08/2011จนถึงวันที่ 17/09/2024
- กำหนดวันทำการระยะเวลา 1 ปี คือ 260 วัน
- นำราคาในอีก 260 วันข้างหน้า มาเปรียบเทียบ เพื่อหาผลตอบแทน 1 ปี
จะเห็นได้ว่า ถ้าเริ่มต้นวันที่ 16/08/2011 ผ่านไป 260 วันทำการ จะเป็นวันที่ 03/09/2012 เป็นคู่ที่ 1
ถ้าเริ่มต้นวันที่ 17/08/2011 ผ่านไป 260 วันทำการ จะเป็นวันที่ 04/09/2012 เป็นคู่ที่ 2
จากข้อมูลชุดที่ดาวน์โหลดเริ่มต้นวันที่ 26/08/2011 จนถึง 17/09/2024 ถ้าต้องการเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการถือครอง 1 ปี จะมีข้อมูลผลตอบแทน 2,934 คู่
- คำนวณ ค่าเฉลี่ยต่าง ๆ ทางสถิติ ตามที่สนใจ จากข้อมูลผลตอบแทนที่คำนวณได้
- ตั้งสมมติฐานว่าข้อมูลผลตอบที่เกิดขึ้นทั้งหมด 2,934 ตัวอย่างนี้มีการกระจายตัวแบบ Normal Distributionจากนั้นลองวาดกราฟการกระจายตัวด้วยโปรแกรม Excel ได้ตามรูป
- กรณีต้องการระยะเวลาการถือครอง 2 ปี 5 ปี 10 ปี เลือกใช้วันทำการเท่ากับ 520 วัน 1,300 วัน และ 2,600 วันตามลำดับ และคำนวณผลตอบแทนด้วยสูตรคำนวณผลตอบแทนรายปีแบบทบต้น
- ผลตอบแทนที่คำนวณได้แต่ละคู่ เป็นผลตอบแทนจากการลงมือซื้อเพียงครั้งเดียว จากวันเริ่มต้นลงทุนและสิ้นสุด ณ วันที่ครบกำหนดถือครอง เท่านั้น
ที่มาในการทดลองวิเคราะห์ข้อมูลด้วยมุมมองตามบทความ
การทดลองวิเคราะห์ข้อมูลด้วยมุมมองตามบทความนี้ มาจากการที่ผมพบว่ามีผู้ลงทุนจำนวนไม่น้อยประสบกับเหตุการณ์ได้รับผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือไม่เป็นไปตามตัวเลขผลตอบแทนที่ตนเองนำมาใช้อ้างอิง ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจในการลงทุน จึงลองตั้งสมมติฐานว่า ปัจจัยด้านกลยุทธ์ที่ผู้ลงทุนเลือกที่แตกต่างกัน ระยะเวลาเริ่มลงทุนแตกต่างกัน และระยะเวลาในการถือครองที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่แตกต่างกันของผู้ลงทุนแต่ละคน จะส่งผลหรือไม่อย่างไรต่อผลตอบแทนที่จะได้รับ
ภายหลังการทดสอบข้อมูลด้วยมุมมองนี้ ช่วยสนับสนุนให้ผมสามารถอธิบายความแตกต่างของผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนแต่ละคนได้รับได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนไอเดียของประโยชน์จากการลงทุนตราสารทุนระยะยาวที่มากพอ ในด้านการลดความเสี่ยง อย่างไรก็ตามการทดลองครั้งนี้ผมมีข้อสังเกตที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ สำหรับการลงทุนในหุ้นรายตัวหรือทรัพย์สินอื่นใดก็ตาม หากหุ้นตัวนั้น ๆ เป็นหุ้นที่ผลประกอบการไม่ดี หรือเป็นทรัพย์สินที่ราคาลดลงอย่างต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน การลงทุนแบบถือยาว ก็อาจทำให้ขาดทุนได้
================
THE Opportunity Channel
Opportunity for Investment : คัดสรรโอกาสการลงทุน เพื่อ “นักลงทุน”
คว้าโอกาสการลงทุน ที่นักลงทุนควรได้รับรู้ และทุกข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน การลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะเป็นเครื่องมือ ชี้วัดความสำเร็จ และการสร้างความมั่งคั่งในอนาคต…
กดติดตามช่องทางการรับชม เพื่อได้รับข้อมูลที่น่าสนใจ…
WEBSITE : https://www.theopp.co/
FACEBOOK : https://web.facebook.com/finnomenaopportunity
YOUTUBE : https://www.youtube.com/@TheOpportunityTH
X : https://twitter.com/opportunityth
#SET #mai #Stock #IPO #หุ้น #หุ้นกู้ #ตราสารหนี้ #theopportunity #กองทุนรวม #SSF #RMF #ESG #ทองคำ #พันธบัตร #ข่าวหุ้น #การเงิน–ลงทุน #เศรษฐกิจ #การเมือง #ต่างประเทศ #ความรู้ #ข่าว #set100 #set50 #ออมหุ้น #ออมทอง #เกษียญ #ลงทุนนอก